• หน้าแรก
  • บทความ
  • เช็กด่วน! เรื่องต้องรู้ก่อนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เสียสิทธิประโยชน์
เช็กด่วน! เรื่องต้องรู้ก่อนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เสียสิทธิประโยชน์

เช็กด่วน! เรื่องต้องรู้ก่อนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เสียสิทธิประโยชน์

09 เม.ย. 2568   ผู้เข้าชม 18

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) คือสิทธิประโยชน์สำคัญที่ธุรกิจและบุคคลทั่วไปไม่ควรมองข้าม แต่การดำเนินการที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้คุณสูญเสียสิทธิประโยชน์อันพึงได้

วันนี้เราจะมาแนะนำข้อควรรู้และรายละเอียดสำคัญที่คุณควรตรวจสอบก่อนดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วน


ภาษีมูลค่าเพิ่ม คืออะไร? หลายๆ คนอาจจะไม่เข้าใจ

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) คือภาษีที่รัฐจัดเก็บจากการซื้อขายสินค้าหรือบริการในแต่ละขั้นตอนของการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค โดยปัจจุบันประเทศไทยกำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7%

ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีและสามารถขอคืนภาษีได้หากมีภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย

ตัวอย่างบริการที่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม

บริการที่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มมีหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น

  • บริการด้านโทรคมนาคม (โทรศัพท์, อินเทอร์เน็ต)

  • บริการขนส่ง (โลจิสติกส์)

  • บริการที่ปรึกษาทางกฎหมายและบัญชี

  • บริการโรงแรมและที่พัก

  • บริการโฆษณาและการตลาด

  • บริการทางการแพทย์ (เฉพาะบางประเภท)

  • บริการทำความสะอาดและรักษาความปลอดภัย


เงื่อนไขสำคัญในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ก่อนที่จะดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการต้องมั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้อย่างครบถ้วน

  1. จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้อง ผู้ที่สามารถขอคืนภาษีได้จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรแล้วเท่านั้น

  2. มีภาษีซื้อเกินกว่าภาษีขาย เงื่อนไขสำคัญคือภาษีซื้อ (ภาษีที่ชำระจากการซื้อสินค้าหรือบริการ) ต้องมีจำนวนมากกว่าภาษีขาย (ภาษีที่ได้รับจากการขายสินค้าหรือบริการ) จึงจะสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้

  3. จัดเตรียมเอกสารอย่างถูกต้องและครบถ้วน เอกสารทุกอย่างต้องมีการจัดเก็บและสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะใบกำกับภาษีที่ต้องมีรายละเอียดครบถ้วนถูกต้อง

เอกสารที่ต้องใช้เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

การขอคืนภาษี จำเป็นต้องมีการเตรียมเอกสารที่ชัดเจนและครบถ้วน ดังนี้

  • แบบคำขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แบบ ภ.พ.30)

  • ใบกำกับภาษีซื้อที่ถูกต้องสมบูรณ์

  • หลักฐานการชำระเงิน (ใบเสร็จรับเงิน, สลิปโอนเงิน)

  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีผู้ยื่นคำขอไม่ได้ดำเนินการด้วยตัวเอง)

  • เอกสารประกอบอื่นๆ ที่กรมสรรพากรกำหนดเพิ่มเติม


ขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว คุณสามารถดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ดังนี้

  1. ยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถดำเนินการยื่นคำร้องผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากรได้ทันที โดยจะต้องแนบเอกสารที่กำหนดไว้ให้ครบถ้วน

  2. รอการตรวจสอบและอนุมัติจากกรมสรรพากร กรมสรรพากรจะทำการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลที่คุณยื่นเข้ามา โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 30-60 วัน

  3. รับเงินคืน หากได้รับการอนุมัติ เงินคืนจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ประกอบการตามที่ได้ระบุไว้ในการยื่นคำขอ

ข้อควรระวังในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

การดำเนินการขอคืนภาษี หากผิดพลาดหรือไม่รอบคอบ อาจทำให้คุณพลาดสิทธิ์หรือเกิดปัญหาในการดำเนินการได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นต้องระวังประเด็นดังต่อไปนี้อย่างละเอียด

  1. เอกสารไม่ครบหรือข้อมูลไม่ถูกต้อง การขาดเอกสารที่สำคัญ เช่น ใบกำกับภาษีที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือข้อมูลบนเอกสารมีความผิดพลาด เช่น วันที่ไม่ตรงกัน จำนวนเงินไม่ถูกต้อง หรือชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบการผิดพลาด จะทำให้การขอคืนภาษีล่าช้าหรือไม่ได้รับการอนุมัติจากกรมสรรพากร

  2. การขอคืนภาษีเกินความเป็นจริง หากคุณยื่นขอคืนภาษีในจำนวนที่สูงเกินจริงและไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมารองรับ เช่น ใบกำกับภาษีปลอม หรือใบกำกับภาษีที่ออกย้อนหลังโดยไม่มีรายการซื้อจริง เมื่อกรมสรรพากรตรวจสอบพบ อาจถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา มีโทษปรับสูงสุด 2 เท่าของภาษีที่ขอคืนโดยมิชอบ หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี

  3. การละเลยระยะเวลาการยื่นขอคืน ผู้ประกอบการควรดำเนินการยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งปกติควรดำเนินการไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่เสียภาษี หากล่าช้าหรือยื่นหลังจากนั้นอาจเสียสิทธิ์ที่จะได้รับเงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณมีสิทธิ์ได้รับ

  4. การบันทึกบัญชีผิดพลาด การจัดทำบัญชีที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นระบบอาจทำให้คุณไม่สามารถยืนยันจำนวนภาษีซื้อที่ถูกต้องได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาในการตรวจสอบจากกรมสรรพากร ดังนั้นควรจัดการระบบบัญชีให้ถูกต้องและมีความแม่นยำเสมอ

  5. การใช้บริการตัวแทนที่ไม่น่าเชื่อถือ หากคุณไม่ได้ดำเนินการเองแต่เลือกใช้บริการของตัวแทน ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ประสบการณ์ และผลงานที่ผ่านมา หากตัวแทนดำเนินการผิดพลาด คุณในฐานะผู้ยื่นขอคืนภาษีจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง

โดยการปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม และช่วยให้คุณสามารถใช้สิทธิประโยชน์นี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความเข้าใจง่ายๆ นิติบุคคลคืออะไร? ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้
04 ก.ค. 2568

ทำความเข้าใจง่ายๆ นิติบุคคลคืออะไร? ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้

ความรู้ บัญชีภาษี
ไขข้อสงสัย จดทะเบียนบริษัทแบบไหนดี หจก. vs บจก. แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?
09 เม.ย. 2568

ไขข้อสงสัย จดทะเบียนบริษัทแบบไหนดี หจก. vs บจก. แบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณ?

ความรู้ บัญชีภาษี
ใบเสร็จรับเงินที่ดี ต้องมี 6 สิ่งนี้! ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้
01 ก.ค. 2568

ใบเสร็จรับเงินที่ดี ต้องมี 6 สิ่งนี้! ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้

ความรู้ บัญชีภาษี